บทความนี้อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์มติชน เดือนมกราคม 2542
1. การเมืองของประเทศนี้ วนเวียนอยู่กับการใส่ร้ายป้ายสีด่าทอกัน นักการเมืองประเทศนี้จึงมีฝีปากกล้า ปัญญาด้อย เพราะมัวเสียเวลา ไปขุดคุ้ยหาเรื่องด่า จนไม่ค่อยมีเวลาคิดสร้างสรรค์พัฒนาบ้านเมือง
2. ละครประเทศนี้ ทุก ๆ สิบปี จะต้องมีบ้านทรายทอง ดาวพระศุกร์ และสลักจิต วนกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกคนละครั้งสองครั้งเสมอ ไม่เชื่อไปถามนางสาวทองสร้อยดูได้
3. แฟชั่นของประเทศนี้ เน้นที่ยี่อห้อที่กำลังได้รับความนิยมในสังคมชั้นสูง สังเกตง่าย คนในประเทศนี้ เวลาออกไปไหนจะแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้ายี่ห้อเดียวกันทั้งกลุ่ม
4. วงการเพลงของประเทศนี้ มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ในการลอกเลียนทำนองเพลงของประเทศอื่น ๆ จนปัจจุบัน ได้ลามไปถึงการ ลอกมิวสิควีดีโอ ลอกเครื่องแต่งกาย ทรงผม ท่าเต้น ปกเทป ฯลฯ
5. การแจกรางวัลในประเทศนี้ ทั้งรางวัลของวงการบันเทิง หรือโฆษณาจะนิยมแจกกันงานละไม่ต่ำกว่า 4 - 5 โหล ทั้ง ๆ ที่มีผู้คิดสร้างสรรค์ อะไรใหม่ ๆ ขึ้นจริง ๆ ไม่ถึง 4 - 5 ราย
6. ในวงการโฆษณาที่ว่าเป็นแหล่งรวมนักคิดชั้นนำของประเทศนี้ ยังคงใช้วิธีเปิดหนังสือ และวีดีโอหนังโฆษณาของประเทศอื่น ๆ เพื่อก็อปปี้ เลียนแบบในประเทศนี้
7. นักศึกษาหญิงในคณะที่คะแนนสอบสูง ๆ ของประเทศนี้มีค่านิยมอยากทำงานเสิร์ฟบริการคนประเทศอื่นบนเครื่องบินมากกว่าอยากทำงาน ที่ได้ใช้สติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์
8. เชียร์ลีดเดอร์ของประเทศนี้ ยังคงภูมิอกภูมิใจกับท่าเต้นเดิม ๆ โดยเฉพาะเชียร์ลีดเดร์ของสองมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในประเทศ ป้าคนที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์รุ่นหนึ่งหลังสงครามโลก ก็ยังสามารถเต้นเข้าจังหวะกับทีมเชียร์ลีดเดอร์น้องใหม่รุ่นปัจจุบันได้ สันนิษฐานว่า คงมีคำสาปมาจากคุณป้ารุ่นแรกว่า ถ้าใครคิดสร้างสรรค์ท่าอะไรขึ้นมาใหม่ ๆ มันผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป
9. ชื่อของประเทศนี้ ได้รับการตีพิมพ์บ่อยครั้งในกินเนสส์บุ๊คว่าเป็นเจ้าของสถิติที่สุดในโลกในด้านที่ไม่สร้างสรรค์อยู่มากมาย เช่น ไข่เจียวยักษ์ ธูปยักษ์ และล่าสุดจานบินทรงเจดีย์ยักษ์
1. การเมืองของประเทศนี้ วนเวียนอยู่กับการใส่ร้ายป้ายสีด่าทอกัน นักการเมืองประเทศนี้จึงมีฝีปากกล้า ปัญญาด้อย เพราะมัวเสียเวลา ไปขุดคุ้ยหาเรื่องด่า จนไม่ค่อยมีเวลาคิดสร้างสรรค์พัฒนาบ้านเมือง
2. ละครประเทศนี้ ทุก ๆ สิบปี จะต้องมีบ้านทรายทอง ดาวพระศุกร์ และสลักจิต วนกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกคนละครั้งสองครั้งเสมอ ไม่เชื่อไปถามนางสาวทองสร้อยดูได้
3. แฟชั่นของประเทศนี้ เน้นที่ยี่อห้อที่กำลังได้รับความนิยมในสังคมชั้นสูง สังเกตง่าย คนในประเทศนี้ เวลาออกไปไหนจะแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้ายี่ห้อเดียวกันทั้งกลุ่ม
4. วงการเพลงของประเทศนี้ มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ในการลอกเลียนทำนองเพลงของประเทศอื่น ๆ จนปัจจุบัน ได้ลามไปถึงการ ลอกมิวสิควีดีโอ ลอกเครื่องแต่งกาย ทรงผม ท่าเต้น ปกเทป ฯลฯ
5. การแจกรางวัลในประเทศนี้ ทั้งรางวัลของวงการบันเทิง หรือโฆษณาจะนิยมแจกกันงานละไม่ต่ำกว่า 4 - 5 โหล ทั้ง ๆ ที่มีผู้คิดสร้างสรรค์ อะไรใหม่ ๆ ขึ้นจริง ๆ ไม่ถึง 4 - 5 ราย
6. ในวงการโฆษณาที่ว่าเป็นแหล่งรวมนักคิดชั้นนำของประเทศนี้ ยังคงใช้วิธีเปิดหนังสือ และวีดีโอหนังโฆษณาของประเทศอื่น ๆ เพื่อก็อปปี้ เลียนแบบในประเทศนี้
7. นักศึกษาหญิงในคณะที่คะแนนสอบสูง ๆ ของประเทศนี้มีค่านิยมอยากทำงานเสิร์ฟบริการคนประเทศอื่นบนเครื่องบินมากกว่าอยากทำงาน ที่ได้ใช้สติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์
8. เชียร์ลีดเดอร์ของประเทศนี้ ยังคงภูมิอกภูมิใจกับท่าเต้นเดิม ๆ โดยเฉพาะเชียร์ลีดเดร์ของสองมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในประเทศ ป้าคนที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์รุ่นหนึ่งหลังสงครามโลก ก็ยังสามารถเต้นเข้าจังหวะกับทีมเชียร์ลีดเดอร์น้องใหม่รุ่นปัจจุบันได้ สันนิษฐานว่า คงมีคำสาปมาจากคุณป้ารุ่นแรกว่า ถ้าใครคิดสร้างสรรค์ท่าอะไรขึ้นมาใหม่ ๆ มันผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป
9. ชื่อของประเทศนี้ ได้รับการตีพิมพ์บ่อยครั้งในกินเนสส์บุ๊คว่าเป็นเจ้าของสถิติที่สุดในโลกในด้านที่ไม่สร้างสรรค์อยู่มากมาย เช่น ไข่เจียวยักษ์ ธูปยักษ์ และล่าสุดจานบินทรงเจดีย์ยักษ์
5 ความคิดเห็น:
ว้าว โพสต์ มาแล้ว .... ขอโทษทีนะจ้ะ บาเรียน ที่ ครู บอกว่า นายไม่ค่อยได้โพสต์ 55555 คนแก่ ก็เงี้ย แหละ ตา หู ไม่ค่อยดี 55555
แล้ว เราจะทำอย่างไร ให้ ประเทศไทย ของ เรา เป้น ประเทศที่ไม่ขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ ครู ว่า เราจะต้องเริ่ม จาก ตัว เรา ไหม น้า ..... น่าคิด .... ฝากให้คิดนิด นะจ้ะ
นั่นสินะ เราเองก็ชอบดูอะไรที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์
แต่สำหรับเรา การผลิตออกมามันย้าก...ยาก
มีไหมโรงเรียนสอนความคิดสร้างสรรค์???
โอ้โห....เดาไม่ออกเลยว่าเป็นประเทศอะไรยากมากๆ...555 แต่ที่รู้ไม่มีประเทศไหนที่อยากได้รับตำแหน่งประเทศที่ขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์แน่นอน
ผมคิดว่าในความเป็นจริงไม่ขาดหรอก
เพียงแต่เค้าไปแสดงออกในรูปแบบอื่น
ไม่เชื่อคิดดูเอาการปาดาวกระจายมาเป็นรูปแบบการเดินขบวนได้
สร้างสรรค์สุดๆ
ปล.แม่นด้วย โดนจุดสำคัญทั้งนั้น
คงจะเป็นพี่ไทยเรานี่แหละ
แสดงความคิดเห็น